เมนู

ป. หากว่า ท่านเห็นต้นไม้ที่ถูกลมโยกอยู่ ด้วยเหตุนั้นนะ
ท่านจึงต้องกล่าวว่า วาโยธาตุเป็นสนิทัสสนะ ฯลฯ
ปฐวีธาตุสนิทัสสนาตยาทิกถา จบ

อรรถกถาปฐมวีธาตุ สนิทัสสนาตยาทิกถา



ว่าด้วย ปฐวีธาตุเป็นต้นเป็นสนิทัสสนะ



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องปฐวีธาตุเป็นสนิทัสสนะ คือเป็นของเห็นได้ด้วย
มังสจักขุ. ในเรื่องนั้น ชนเหล่าใด มีความเห็นผิดดุจลัทธิของนิกายอันธกะ
ทั้งหลายว่า ปฐวีธาตุ เป็นต้น คือ ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ
เป็นของเห็นได้ด้วยตา เพราะเห็นวัณณายตนะ คือสี แห่งการไหวของ
แผ่นหิน น้ำ เปลวไฟ ต้นไม้ นั่นเทียวด้วย คือเรื่องปฐวีธาตุ ฯลฯ แห่งโอกาส
อันตั้งอยู่เฉพาะแห่งอินทรีย์ 5 คือ จักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ ด้วย
คือเรื่องจักขุนทรีย์ ฯลฯ เห็นรูปมีมือและเท้าเป็นต้น ในเวลาเคลื่อนไหว
กายด้วย คือเรื่องกายกรรม ฯลฯ บรรดาเรื่องทั้งหมด ทั้ง 3 เรื่อง คำถาม
ต้นของสกวาทีหมายชนเหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. คำที่เหลือ
ในที่ทั้งปวง บัณฑิตพึงทราบโดยทำนองแห่งพระบาลี และพึงทราบโดยนัย
ที่กล่าวแล้วในหนหลังนั่นแหละ. เรื่องสุดท้ายว่า กายกรรมไม่เป็นสนิทัสสนะ
คือไม่เป็นของเห็นได้ด้วยตา ท่านทำเรื่อง ปฐวีธาตุเป็นสนิทัสสนะ
ไว้เป็นข้อแรก.
อรรถกถาปฐวีธาตุสนิทัสสนาตยาทิกถา จบ

จักขุนทริยสนิทัสสนันติอาทิกถา



[1121] สกวาที จักขุนทรีย์เป็นสนิทัสสนะ หรือ ?
ปรวาที ถูกแล้ว
ส. เป็นรูป เป็นรูปายตนะ เป็นรูปธาตุ ฯลฯ มาสู่คลอง
แห่งจักษุ หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1122] ส. จักขุนทรีย์เป็นสนิทัสสนะ หรือ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. อาศัยจักษุและจักขุนทรีย์ จึงเกิดจักขุวิญญาณขึ้น หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[1123] ส. อาศัยจักษุและจักขุนทรีย์ จึงเกิดจักขุวิญญาณขึ้น
หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. คำว่า อาศัยจักษุและจักขุนทรีย์ จึงเกิดจักขุวิญญาณ
ขึ้น ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง หรือ ?
ป. ไม่มี
ส. คำว่า อาศัยจักษุและรูปจึงเกิดจักขุวิญญาณขึ้น ดังนี้
เป็นสูตรมีอยู่จริง หรือ ?
ป. ถูกแล้ว
ส. หากว่า คำว่า อาศัยจักษุและรูป จึงเกิดจักขุวิญญาณ
ขึ้น
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง ก็ต้องไม่กล่าวว่า อาศัยจักษุและจักขุนทรีย์
จึงเกิดจักขุวิญญาณขึ้น.